เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566
การจับคู่ภายใต้โครงการตัวกลางที่ดิน โดยเฉพาะรูปแบบ “ที่ดินปันสุข” ที่เป็นรูปแบบไม่คิดค่าเช่าหรือคิดค่าเช่าต่ำเป็นพิเศษ สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้ที่ดินต้องรู้ คือ เรามีมาตรการติดตามและประเมินความคืบหน้าการใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยเจ้าหน้าที่ของ บจธ.ค่ะ
ความคืบหน้าในการใช้ประโยชน์ในที่ดินเป็นเงื่อนไขสำคัญข้อหนึ่งที่จะถูกระบุลงในสัญญาเช่าระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เข้าใช้ที่ดิน โดยเจ้าหน้าที่ บจธ. มีหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามเพื่อจัดทำรายงานความคืบหน้าทุก 3 เดือน หากมีการบอกกล่าว ทักท้วง รวมเวลาถึง 6 เดือนแล้วปรากฎว่าที่ดินไม่มีความคืบหน้าการใช้ประโยชน์ ถูกปล่อยทิ้งร้าง หรือ คืบหน้าน้อยกว่าที่ควรโดยไม่มีเหตุอันเหมาะสม จะมีผลไปสู่การยกเลิกสัญญาเช่าเพื่อนำที่ดินให้แก่เกษตรกรรายอื่นมีโอกาสเข้าใช้ประโยชน์ต่อไป
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เข้าใช้ที่ดินควรทราบว่าใช้ที่ดินแบบไหนถึงจะเรียกว่าผ่านการประเมินจากเจ้าหน้าที่นะคะ
เนื่องจากการใช้ที่ดินในโครงการนี้ เป็นนิติกรรมในรูปแบบสัญญาเช่าที่ดิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “สัญญาเช่าระยะสั้น ประมาณ 3-5 ปี” เจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ผู้เข้าใช้ที่ดินดังนี้ค่ะ
แนะนำให้ปลูกพืชระยะสั้น-ระยะกลาง เช่น พืชผักสวนครัว หลีกเลี่ยงการปลูกพืชยืนต้นหรือระยะยาว ที่ไม่เหมาะสมกับระยะเวลาตามสัญญา
ควรดำเนินการเพาะปลูกตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใช้ทุนน้อย ค่อยไปเป็นค่อยไป ปลูกเพื่อบริโภค เหลือแบ่งขาย ลงต้นทุนโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับระยะเวลาตามสัญญาเช่า
สิ่งปลูกสร้างควรใช้ที่มีลักษณะชั่วคราว ราคาถูก รื้อถอนได้ง่าย หรือสามารถขนย้ายนำไปใช้ต่อที่อื่นได้
ภาพตัวอย่างการใช้ที่ดินที่ผ่านการประเมินของเจ้าหน้าที่
เห็นได้ว่าเป็นการปลูกระดับพืชผักสวนครัวขั้นต้นเท่านั้นเองค่ะ ขอแค่มีความตั้งใจจริง สม่ำเสมอ ทำไปทีละเล็กละน้อย ไม่ปล่อยทิ้งร้าง หากมีปัญหาหรืออุปสรรคสุดวิสัย เช่น แล้งจัดหรือน้ำท่วม สามารถบอกกับเจ้าหน้าที่ได้ ยินดีรับฟังและประเมินตามสภาพข้อเท็จจริงค่ะ 🥰